กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 1

“The Sims” ถือว่าเป็นเกมส์ Interactive Life Simulation ที่ดีที่สุด ที่ครองใจผู้เล่นทั่วโลกกว่า 100 ล้านคน มา 20 ทศวรรษถ้วน และคงจะยืนระยะต่อไปได้อีกแสนนาน ตัวเกมมาพร้อมกับคอนเซปต์ “Play With Life” ที่มีการสอดแทรกคำสอน ประสบการณ์ และบทเรียนชีวิตต่างๆ เข้าไปในเกมส์ เพื่อให้ผู้เล่นไม่ประมาทในชีวิตประจำวัน และเข้าใจชีวิตได้เองอย่างไม่น่าเชื่อ

หลายๆ คนเล่น The Sims เพราะสามารถควบคุมทุกสิ่ง รังสรรค์ทุกอย่างได้ดังใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาขัด หรือจะมีใครไม่พอใจหรือไม่ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ เรียกได้ว่าเป็นเกมแห่งชีวิตที่แท้

โดยปัจจัยหลักที่ทำให้เกมสนุกได้มากขนาดนี้ คงเป็นเพราะมันคือการ “ลองชีวิตจริงมาเป็นเกม” มีการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ทะเลาะ รัก เครียด เฉยๆ โกรธ ฯลฯ ได้อย่างอิสระ สามารถสร้างตัวละครที่เปรียบเสมือนอีกร่างของเราในเกมได้ โดยที่เราจะสามารถมีรูปลักษณ์และความสามารถพิเศษยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ได้ สุดแล้วแต่ Expansion Packs และ Stuff Packs จะพาไป

อีกทั้งยังมีการตอบสนองทางด้านอารมณ์ไม่ต่างอะไรกับมนุษย์คนหนึ่ง มีความซับซ้อนและความหลากหลายทางอารมณ์อย่างละเอียดมากๆ ราวกับเล่นอยู่กับมนุษย์จริงๆ และด้วยความที่ตัวเกมสามารถละเอียดได้ถึงขั้นนี้ ทำให้เวลาที่เราเล่น The Sims หลายๆ ครั้งจะต้องมีการตัดสินใจดีๆ ก่อนจะทำอะไรลงไป (เช่น การมีแฟนหลายคน การให้ของขวัญคนโดยเดาใจว่าผู้รับจะชอบหรือไม่) ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่เราไม่ชอบใจก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบของ The Sims 4 ที่ทุกๆ อย่างของเกมละเอียดที่สุด และอิสระที่สุดเท่าที่เคยมีมา

The Sims เป็นเกมที่ไม่มีวันจบสิ้น เราอาจจะกำหนดเป้าหมายชีวิต และจุดจบของชีวิตในเกมได้ด้วยตัวเราเอง โดยอาจเล่นเป็นการสืบเชื้อสายไปหลายๆ รุ่นในตระกูล ใช้ชีวิตเป็นอมตะ หรือจะเล่นเป็นลูก หลาน เหลน ลื่อ ลืบ ลืด ของตัวซิมส์เราโดยที่ตัวซิมส์ตัวแรกยังไม่ตายก็ได้ หรือเราจะใช้ชีวิตสัปดนสุดเหวี่ยงมากแค่ไหนก็ได้ด้วย Mod (ม็อด) บ่อยครั้งที่มันอิสระได้มากเสียจนอดคิดไม่ได้ว่า หากมีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตจริง มันจะหลอนขนาดไหนหนอ…

เพื่อเพิ่มความอินจับใจในการเล่นมากขึ้น เรามาทำความรู้จักที่มาที่ไปของ The Sims กันดีกว่าค่ะ

กว่าจะมาเป็น The Sims

Will Wright
Will Wright (วิล ไรท์) ผู้ก่อตั้ง

Will Wright (วิล ไรท์) คือผู้ก่อตั้งเกม SimCity และ The Sims รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้ง “Maxis” ค่ายเกมส์ที่ผลิตเดอะซิมส์ ผู้ซึ่งได้รับฉายาสุดยิ่งใหญ่ว่า “Game God” หรือ “พระเจ้าแห่งเกม”

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 4
Raid on Bungeling Bay

เริ่มแรกในปี 1984 วิล ไรท์ ได้ทำการสร้างเกมที่มีชื่อว่า Raid on Bungeling Bay ในระหว่างที่เขากำลังสร้างเกม เขารู้สึกได้ว่า การที่เขามาสร้างด่านตกแต่งทั้งเกมเนี่ย ทำไมมันสนุกกว่าตอนเล่นเกมเสียอีก พอคิดได้ดังนั้น เขาจึงนำความคิดนี้ไปทำเป็นเกม “SimCity” เมื่อทำ “SimCity” เสร็จ ปรากฎว่านำไปเสนอค่ายเกมที่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ เพราะถือว่าเป็นเกมที่มีแนวคิดและวิธีการเล่นที่แปลกประหลาดมากๆ เมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ ในยุคเดียวกัน ดังนั้นเขาเลยจับมือกับ Jeff Braun (เจฟ บรอน) และร่วมกันตั้งค่ายเกมแห่งใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า “Maxis” เพื่อที่จะนำมาวางขายเกม SimCity โดยเฉพาะ

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 6
โลโก้ในตำนาน ที่แฟนเกมส์คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

ไม่มีใครในอดีตสามารถล่วงรู้ได้เลย ว่าเกมที่มีวิธีเล่นแปลกประหลาดและไม่มีค่ายเกมใดสนใจในวันนั้น จะถูกพัฒนาอย่างไม่รู้จบมาจนกลายเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกมหนึ่งของโลก ตราบจนกระทั่งทุกวันนี้…

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 8
SimCity

เมื่อ SimCity ภาคหลักเสร็จสมบูรณ์ เขาจึงมีส่วนร่วมในการทำ SimCity ออกมาอีก 2 ภาค นั่นก็คือ SimCity 2000 (1994) และ SimCity 3000 (1999) ทั้งสองภาคถูกวางขายในค่ายเกมส์ “Maxis” เช่นเดียวกัน

กำเนิด The Sims

the sims

วิล ไรท์ ได้ไอเดียการทำเกมส์ The Sims หลังจากที่บ้านของเขาไฟไหม้จนหมดสิ้น เขาเลยได้บทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ เพราะเขาต้องซื้อบ้านใหม่ จัดการเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่ง และจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้นเขาจึงเกิดไอเดีย The Sims ออกมา โดยในตอนแรกนั้น Maxis ไม่ได้เห็นด้วยนักกับไอเดียการสร้างเกมส์นี้ และต่อต้านไม่ยอมให้ วิล ไรท์ ทำเกม ด้วยเหตุผลที่ว่า ความสามารถของคอมพิวเตอร์ในขณะนั้น (ปี 1995 หรือ พ.ศ. 2538) ไม่สามารถรองรับเกมระดับนี้ได้ ในขณะนั้น ดูเหมือนว่าโลกจะไม่มีวันได้เห็น The Sims อย่างแน่นอน

กระทั่งในปี 1997 ทาง Maxis ได้ถูกซื้อโดยค่าย Electronics Arts (EA) และทาง Electronics Arts รู้สึกเห็นด้วยกับไรท์ ในไอเดียเกม The Sims นี้ และรู้สึกว่าไอเดียนี้เข้าท่าและดูมีอนาคต แต่ในขณะเดียวกัน EA ก็ยังมีความรู้สึกว่า มันเป็นการ ‘เสี่ยงดวง’ มากๆ ในการที่จะสร้างเกมนี้ขึ้นมา EA จึงอนุมัติให้ทำการพัฒนา The Sims ภายใต้ชื่อโครงการว่า “Project X” โดยมีการปรับปรุงแนวคิดหลักของเกมและสิ่งต่างๆ อยู่หลายครั้ง กระทั่ง 3 ปีต่อมา ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2000 The Sims ภาคแรกก็ได้คลอดออกมา

ดังนั้นใน The Sims ภาคแรก จึงทำก๊อปปี้ออกมาค่อนข้างน้อย แต่ปรากฎว่าขายได้ดีเกินคาด จนทำให้ The Sims 1 กลายเป็นเกมยอดนิยมตลอดกาล

แต่หลังจาก The Sims 2 เป็นต้นมา วิล ไรท์ ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงในการสร้างเกมส์เลย แต่เขาได้รับเกียรติในการให้เครดิตมาตลอด ในฐานะผู้ที่คิดค้นและก่อตั้ง The Sims

สำหรับ The Sims (1) ภาคหลัก สามารถขายได้ทั้งหมด 16 ล้านก็อปปี้ และเมื่อรวม The Sims 2 ทั้งภาคเสริมและ DLC ก็จะมียอดขายทั้งหมดกว่า 100 ล้านก็อปปี้ ทั่วโลก

รู้หรือไม่ว่า The Sims 1 ได้ถูกโค่นแชมป์เกมที่ขายดีที่สุดในโลกด้วย The Sims 2

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 11

หลังจากเกม The Sims วิล ไรท์ ได้ไปพัฒนาเกม Spore เกมแนว Evolution-Based Strategy ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี เกมนี้ถูกวางขายในปี 2008

ในปี 2009 วิล ไรท์ ได้ออกจาก EA และเปิด “Stupid Fun Club” โดยยังมี EA เป็นผู้หนุนหลังให้ ส่วนตำแหน่งของเขาหลังจากที่ลาออก ได้ถูกแทนที่โดย “Lucy Bradshaw”  (ลูซี่ แบรดชอว) ในฐานะ General Manager ของ Maxis โดยลูซี่นั้นเป็นผู้ดูแลการสร้างเกม The Sims, SimsCity และ Spore ในภาคต่อๆมา

ในปี 2010 วิล ไรท์ ได้เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับรายการทีวีแนว Community-Based ชื่อว่า “Bar Kama” (บาร์คาม่า) โดยรายการได้ฉายทั้งหมด 1 ซีซั่นถ้วนในปี 2011 และในเดือนตุลาคม 2011 วิล ไรท์ ได้กลายเป็นบอร์ดผู้บริหารของ “Linden Lab” ซึ่งเป็นผู้สร้างเกม “Second Life.”

The Sims เคยถูกประกาศสร้างเป็นหนัง Live Action (เวอร์ชันคนแสดง) ในปี 2007 โดยค่ายหนังชื่อดังระดับโลก 21 Century Fox แต่โปรเจกต์ก็ได้ถูกพับไปและไม่เคยถูกสร้างเลย จนกระทั่งในปี 2019 ที่ 21 Century Fox ถูก Disney ซื้อไป จึงทำให้โปรเจกต์ The Sims Live Action ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการ

รางวัลแห่งความสำเร็จของ The Sims

  • Guiness World Recoards Awarding 5 สมัย
  • Guiness World Recoards: Gamer’s Edition 2008
  • World’s Biggest-Selling Simulation Series (เกมแนวจำลองชีวิตที่ขายดีที่สุดในโลก)
  • Best Selling PC Game og All Time (เกมคอมพิวเตอร์ที่ขายดีตลอดกาล)

The Sims มีทั้งหมดกี่ภาค – รายละเอียดโดยสังเขป

ณ ปัจจุบัน (2020) The Sims มีภาคหลักทั้งหมด 4 ภาค ไม่รวม DLC และ Stuff Packs ย่อยอื่นๆ อีกรวมแล้วมากกว่า 100 ชิ้น

The Sims 1

ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000 (2543) เกม The Sims ภาคแรกได้ถูกวางขาย โดยเป็นภาคในตำนานที่ผู้เล่นเก่าแก่รู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่เดิมได้ถูกวางจำหน่ายในเฉพาะรูปแบบ PC ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows มี DLC ทั้งหมด 7 แพ็ค โดย DLC เหล่านี้ได้ถูกจัดรวมเป็นแพ็คเดียวกับภาคหลักและภาคเสริมด้วยกันหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งยังมีการผลิตให้เล่นบนเครื่อเล่นอื่นๆ อีก เช่น Play Station 2, Game Boy, Advance Game Player และ The Sims ยังมีภาษาไทยให้คนไทยได้เล่นกันอีกด้วย

ราว 2 ปีให้หลัง ในวันที่ 22 มีนาคม ปี 2002 มีรายงานว่า The Sims ได้กลายเป็นเกม PC ที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้าเกม “มิสท์” (Myst) ที่มียอดจำหน่ายเท่ากัน ณ เวลานั้นอีกด้วย

The Sims 2

14 กันยายน ปี 2547 (ปี 2004) เกม The Sims 2 ได้ถูกวางจำหน่าย โดยจะมีการพัฒนาขึ้นจากภาคแรกในเรื่องของกราฟิกที่ละเอียดขึ้น มีมิติมากขึ้น และรวมถึงระบบต่างๆ ที่ลึกขึ้นกว่าภาคแรก โดยในภาคนี้มีการใช้กราฟิก 3D ในการทำให้ภาพดูน่าเล่นขึ้นกว่าภาคแรก ที่เป็น 2D เลื่อนไปมาแบบแบนๆ

สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาในภาค 2

  • เพิ่มเนื้อเรื่องเข้ามาในเกม ดังเช่นเรื่องราวของการหายตัวไปอย่างลึกลับของ “Bella Goth”
  • เพิ่มช่วงอายุให้วิวัฒนาการได้ถึง 6 ช่วงอายุ (ในภาคเสริมจะ University เพิ่มช่วงอายุ ‘วัยมหาวิทยาลัย ขึ้นมา’ เป็นช่วงอายุที่ 7)
  • เพิ่งระบบสัปดาห์ ที่ทำให้เด็กๆ ได้หยุดอยู่บ้านวันเสาร์-อาทิตย์
  • เพิ่มวันหยุดพักผ่อน/ลางาน
  • เพิ่มแถบ “ระดับปณิธาน” / คะแนนปณิธาน / รางวัลปณิธาน
  • ซิมส์สามารถแก่ตายได้
  • มี DLC 8 แพ็ค และ Stuff Packs 9 แพ็ค

The Sims 3

The Sims 3 ได้ถูกจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2549 (ปี 2006) นอกจากภาพที่สวยขึ้นแล้ว ตัวเกมยังมีการพัฒนา Map ให้เราสามารถไปไหนมาไหนได้แบบไม่มีรอยต่อ มี DLC ทั้งหมด 11 แพ็ค มี Stuff Packs ทั้งหมด 9 แพ็ค และ Core Game Edition ทั้งหมด 15 แพ็ค รวมถึงยังสามารถดาวน์โหลดสิ่งของเพิ่มเติมได้ใน The Sims 3 Store

The Sims 4

The Sims 4 ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2556 (2013) เผยแพร่ Official Trailer ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556 และประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2557 (2014) สามารถอัปเดทแพทช์ใหม่ได้ฟรีจาก Origins โดยมีระบบจากภาคก่อนๆ ที่ถูกตัดออกไป คือ ระบบการตายของซิมส์ในสระน้ำ โดยเมื่อเอาบันไดออก ซิมส์จะสามารถปีนขึ้นมาบนสระเองได้ ไม่ได้ถูกขังอยู่ในน้ำจนตายแบบภาคก่อน แต่ในกรณีที่เราล้อมรั้ว หรือล้อมกำแพงรอบสระ ซิมส์จะสามารถ เหนื่อย หิว และหมดแรงตายในน้ำได้ และเพิ่มอาชีพใหม่ๆ เข้ามา สำหรับในภาคนี้ ภาพกราฟิกสุดปังอลังการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ในปีเดียวกันนี้ (2014) EA ก็ได้ประการเปิดตัว Stuff Packs ชุดแรก ชื่อ “Out Door Retreat” ที่จัดจำหน่ายในระบบดิจิทัลเท่านั้น โดยวางจำหน่ายเมื่อ 13 มกราคม 2558 (2015) และหลังจากนั้น EA ก็ได้ประกาศเปิดตัว Expansion Packs ตัวแรก “Get To Work”

DLC หรือ Expansion Packs และภาคเสริมอื่นๆ คืออะไร

DLC (Downloadable Content) , Expansion Packs, Stuff Packs ,Core Game ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ตัวเกม แต่เป็นเหมือนภาครองที่เข้ามาช่วยเสริมภาคหลักให้มีลูกเล่น เรื่องราว และความสนุกต่างๆ มากยิ่งขึ้น เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายก็เหมือนเครื่องปรุงที่ทำให้อาหารของเราอร่อยขึ้นนั่นเอง และด้วยความที่ภาคเสริมไม่ใช่ตัวเกม หากคุณต้องการเล่นตัวเกม คุณต้องติดตั้งภาคหลักก่อนเสมอ จะเล่นแค่ภาคเสริมอย่างเดียวไม่ได้ แต่ในกรณีที่คุณต้องการเล่นตัวเกมเพียงอย่างเดียวไม่ต้องการซื้อภาคเสริม ก็สามารถทำได้

ใน The Sims ภาคหลักแต่ละภาคนั้น ก็จะมีภาคเสริมเป็นของตัวเอง ไม่สามารถใช้รวมกันได้ กล่าวคือ หากเราเล่น The Sims 4 เราไม่สามารถใช้ภาคเสริมของ The Sims 3 ได้ และการติดตั้งภาคเสริม เราสามารถเลือกติดตั้งแค่ภาคที่อยากเล่น หรือจะติดตั้งทั้งหมดที่ระบบมีก็ได้

ส่วนสตัฟฟ์แพ็ค (Stuff Packs) หรือ คอร์เกม (Core Game) เป็นเหมือนแพ็คน้อยๆ ที่มีไอเท็มเสริม ให้เรามีเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถเลือกติดตั้งแค่ภาคที่อยากเล่น หรือจะติดตั้งทั้งหมดที่ระบบมีก็ได้เช่นเดียวกัน

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 13

และนี่ก็เป็นต้นกำเนิดของแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็น The Sims ให้แฟนเกมกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ได้เล่นกันมาจวบจนปัจจุบัน ถึงแม้ The Sims จะถูกขนานนามว่าเป็นเกมโลกสวย (ถ้าไม่ลง Mod พิเรนทร์ต่างๆ น่ะนะ) แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตได้ว่าในเกมมักจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ หลายอย่าง อย่างมีนัยยะสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เมื่อถูกหวยแล้วจะโดนโจรขึ้นบ้าน (ใน The Sims ภาคแรกๆ), ปลามีพิษ, ต้นไม้มีพิษ หรือที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่อง “ไฟไหม้” ที่ประชากรชาวซิมส์ร้อยละ 98% ต้องเกิดมาเคยพบเจอ ราวกับว่า “วิล ไรท์” ผู้สร้าง อยากจะสอนให้ผู้เล่นตระหนักถึงความรอบรอบกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตโดยเฉพาะในเรื่องของฟืนไฟ ที่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะกลับไปแก้ไขอะไรก็คงลำบากขึ้น ทางที่ดีเราควรจะติด “เครื่องครวจจับควันไฟ” และ “กริ่งเตือนไฟไหม้” เอาไว้จะดีกว่านะ

…แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้ง ที่ผู้คนใช้เกม The Sims เป็นเกมย่างสด ฆ่าซิมส์ด้วยสารพัดวิธีมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น เป็นดั่งจิตวิญญาณที่ถูกส่งต่อมาโดยอัตโนมัติยังไงยังงั้น

อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณจะเล่น The Sims ในรูปแบบใดก็ตาม แก่นหลักของเกม The Sims ไม่ได้คาดหวังให้เราต้องเล่นตามกฎเกณฑ์ไปเสียทุกอย่าง แหกบ้างก็ได้ เชื่อเถิดว่าคนเล่น The Sims ไม่มีใครเล่นแบบปกติสักคนหรอก ไม่อย่างนั้นเขาจะเปิดให้ผู้เล่นสร้าง Mod ได้อย่างอิสระทำไมล่ะ จริงไหม ที่สำคัญ ก็เพราะว่าแนวคิดของเค้าคือ “Play With Life” ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้น Play With Life กันให้สนุกนะทุกคน!

เกร็ดความรู้ The Sims เกี่ยวกับ ” Will Wright” ผู้สร้าง

กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 21
  1. ในภาค The Sims : Hot Date มีเมืองทั้งหมด 3 เมือง ชื่อเมือง Pleasantview, Sunset Valley and Downtown ทั้ง 3 เมืองนี้มีถนนที่ชื่อว่า Wright Way เพื่อเป็นเกียรติแด่ “Will Wright” ผู้ก่อตั้ง The Sims
  2. มีบ้านตุ๊กตาที่ตั้งชื่อตามเขา (Will Wright) ทั้งใน The Sims และ The Sims 2
  3. ในแพ็ค “Skin” ของ The Sims ภาคแรก ที่ทำโดย EBWorld จะมีสกินทั้งหมด 7 คาแรกเตอร์ โดยในแพ็คนี้จะมีสกินของ “Will Wright” ด้วย รวมถึงผู้ที่มีชื่อเสียงอื่นๆ อีก 6 คาแรกเตอร์
  4. The Sims : Vacation จะมีเกมให้เล่นในสวนสนุก (เกมในเกมอีกที) เป็นเกมตีตัวตุ่น โดยตัวหัวตุ่นได้เปลี่ยนเป็นศีรษะของ “Will Wright” แทน
  5. The Sims : Super Star จะมีภาพเขียนที่ชื่อว่า “The Face of Deco” ซึ่งเป็นภาพล้อเลียนของ “Portrait of Doctor Boucard, 1928” โดยเป็นการใส่ใบหน้าของ “Will Wright” เข้าไปแทน
  6. The Sims : Makin’ Magic จะมีตัวละคร “Will Wright” ที่เป็นยักษ์ โดยเราจะเห็นเวลาเราปีนต้นถั่ววิเศษเหมือนในเรื่อง ‘แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์’ เมื่อเรามีปฏิสัมพันธ์กับยักษ์ “Will Wright” ก็จะมีป๊อปอัพเด้งขึ้นมาว่า “ขอบคุณที่เล่นเดอะซิมส์นะ” …ใส่ใจผู้เล่นขนาดนี้ แค่อ่านยังปลื้มใจเลยค่ะ
  7. ใน The Sims : Online สามารถแต่งตัวละครออกมาให้เหมือน “Will Wright” ได้ด้วย
  8. ใน The Sims 2 ในโหมดตกแต่ง เราจะเห็นว่ามีของตกแต่งบ้านที่เป็นก้อนหินขนาดยักษ์ รูปทรงเหมือนศีรษะของ “Will Wright” ตัวก้อนหินยักษ์นี้ ปกติจะถูกวางเป็นอนุสรณ์อยู่ใน Strangetown neighborhood.
  9. ใน The Sims 2 จะมีบริษัทผลิตตุ๊กตาที่ชื่อว่า Wright Way Toys ซึ่งก็ตั้งชื่อตาม “Will Wright” นั่นแหละ
  10. ใน The Sims 2 ภาค University ในโหมดสร้าง เวลาเราสร้างนักเรียนขึ้นมา มันจะมีภาพ Portrait มุมซ้ายอยู่หลังกระจก ซึ่งภาพนี้คือภาพของ “Will Wright”
  11. ใน The Sims 2 ภาค University จะมีทุนการศึกษาชื่อว่า “Will Wright Genius Grant for teens with a logic skill of 8 or higher.”
  12. ใน The Sims 2 ภาค Open for Business จะมี Business Perk อันหนึ่งตั้งชื่อว่า “Will Wright Grant” ที่จะทำให้ซิมส์ได้เงินอุดหนุนธุรกิจจากมูลนิธิวิล ไรท์ (Will Wright Foundation)
  13. ใน The Sims 2 for Cosole มีภาพวาดของ “Will Wright” อยู่ในเกม
  14. ใน The Sims 2 for PSP จะมีตัวละครชื่อ Isaac Rossum ซึ่งมีหน้าตาคล้าย “Will Wright” โดยตัวละครนี้จะมี ‘ความลับ’ ของเค้าอยู่ และความลับของเค้าจะถูกอ้างอิงไปยัง “Maxis games” หรือเกมของ Maxis ที่ “Will Wright” เป็นผู้ออกแบบ (SimCopter, SimCity, and Spore ณ เวลานั้น)
  15. ใน The Sims Free Play ในทักษะช่างไม้ระดับที่ 5 จะมีไม้ที่เราสามารถแกะสลักได้ ชื่อว่า “Will Wright Replica” หรือแปลไทยว่า “วิล ไรท์ จำลอง”
กว่าจะมาเป็น The Sims เกมอมตะแห่งยุค มาทำความรู้จักเกมนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกันเถอะ 23

ทำความรู้จัก The Sims ให้มากยิ่งขึ้นได้ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

คำตอบ