ทำความรู้จักมิมซี่และเบอร์นาร์ด ท่านหญิงและท่านชายแห่งเมืองวินเดนเบิร์กใน The Sims 4 (แจกคฤหาสน์ท้ายบทความ)
คงเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ ‘มิมซี่’ (Mimsy) และ ‘เบอร์นาร์ด’ (Bernard) แห่ง Von Haunt Estate เมือง Windenburgในเกม The Sims 4 โดยพวกเขามักจะปรากฏตัวให้ชาวซิมส์เห็นในรูปแบบของวิญญาณประจำคฤหาสน์ ไม่ว่าพวกคุณจะไปเที่ยวที่ Von Haunt Estate เวลาใดก็ตาม คุณจะพบเห็นวิญญาณพวกเขาล่องลอย วนเวียนอยู่รอบๆ เสมอ
ผู้ที่เล่น The Sims 4 หลาย ๆ คนคงคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขากันดี แต่จะมีสักที่คนที่รู้ว่า ที่มาของพวกเขา มีเค้าโครงมาจากบทกวีชื่อดังบทหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน และอินไปกับเรื่องราวต่างๆ ของพวกเขามากยิ่งขึ้น เรามาทำความรู้จักพวกเขาไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
เรื่องราวของมิมซี่และเบอร์นาร์ดใน The Sims 4
เรื่องราวของพวกเขา มีชื่อว่า “ตำนานคฤหาสน์ Von Haunt Estate” โดยคฤหาสน์หลังนี้ เป็นคฤหาสน์แห่งตระกูล “Shallot” ในขณะนั้นอยู่ในความดูแลของ ท่านลอร์ด Bernard Escargot Shallot IV (เบอร์นาร์ด เอสคาร์โก ชาลล็อต ที่สี่) มีอาชีพหลักเป็นศิลปินนักวาดภาพ แต่ฝีมือการวาดภาพของเขานั้นไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย แต่ในขณะนั้นเขาก็ประกอบอาชีพศิลปินวาดภาพไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีความกระตือรือร้นในการที่จะพัฒนาฝีมือหรือหาเงินเพิ่มแต่อย่างใด
อยู่มาวันหนึ่งในปี 1892 ก็ได้เกิดสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นมา นั่นก็คือ ‘วิกฤตเศรษฐกิจ’ ทำให้ตระกูลชาลล็อตของเบอร์นาร์ดเกิดวิกฤตและเกือบจะล้มละลาย และหากเขาล้มละลาย คฤหาสน์ของตระกูลชาลล็อตก็จะต้องถูกธนาคารยึดไปด้วยอย่างเป็นแน่ ดังนั้น เพื่อให้ตระกูลชาลล็อตและคฤหาสน์ของตระกูลชาลล็อตยังคงอยู่ต่อไป เขาจึงไปแต่งงานกับ ‘มิมซี่’ (หรือที่เรียกกันเล่นๆ ว่า ‘The Green Lady’ หรือ ‘The Ghost Gardener’ ) เลดี้แสนสวยและมีมรดกมหาศาล …หากเรียกในภาษาที่เราเข้าใจกันดี การแต่งงานครั้งนี้คือการแต่งงานเพื่อเงินเพียงเท่านั้น !!
เมื่อเบอร์นาร์ดแต่งงานกับมิมซี่ เขาจึงมีเงินไปจ่ายค่าบำรุงดูแลคฤหาสน์ ทำให้คฤหาสน์ของตระกูลชาลล็อตยังคงอยู่ต่อไป และไม่ต้องถูกยึด (เดาว่าที่เบอร์นาร์ดต้องจ่ายนั้นน่าจะเป็นค่าภาษีมรดกด้วย เพราะในต่างประเทศ หากคุณมีปราสาทหรือคฤหาสน์ที่ถูกตกทอดมาเป็นมรดก คุณจะต้องเสียภาษีด้วย จึงทำให้มีคนออกมาประกาศขายคฤหาสน์หรือปราสาทในราคาที่ถูกมาก เพราะไม่อยากจ่ายค่าบำรุงรักษา ค่าภาษีมรดก ค่าทำความสะอาดและอื่นๆ) และถึงแม้จะเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนหรือแต่งงานเพื่อเงินก็ตาม แต่ทั้งสองกลับเกิดความรักต่อกันขึ้นมาจริงๆ…
กระทั่งในปี 1898 ในวันที่แสนสงบสุขวันหนึ่งในยามบ่าย เบอร์นาร์ดก็ได้วาดรูปมิมซี่ขึ้นมา 1 ภาพ และเขาก็ได้ทำการวาดภาพเพิ่มอีกภาพเป็นภาพขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันว่าเป็นภาพของสิ่งใด เขาใช้เวลากับมันเป็นเวลานานจนกระทั่งค่ำ แต่วาดอย่างไรก็ไม่ถูกใจเขาสักที และด้วยความประมาทปนกับความหัวร้อนซึ่งเป็นนิสัยส่วนตัวของเขานี่เอง จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
อย่างที่หลายคนทราบกันดี เบอร์นาร์ดมีอุปนิสัยเสียๆ ส่วนตัวอยู่อย่าง คือเป็นคนที่ค่อนข้างหัวร้อน หากเมื่อใดที่เขาวาดรูปไม่ได้ดั่งใจ เขาจะเผารูปนั้นทิ้ง และแน่นอนว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้โยนรูปภาพขนาดใหญ่นั่นเข้าไปในเตาผิงเพื่อที่ต้องการจะทำลายมันเหมือนอย่างเคย แต่ทว่า ไฟกลับลุกท่วมไปทั่วบริเวณคฤหาสน์ จะดับอย่างไรก็ไม่อาจดับทัน ครั้งจะหนีก็เกินกำลัง อุบัติเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่จึงอุบัติขึ้น ทำให้ทั้งเบอร์นาร์ดและมิมซี่เสียชีวิตในกองเพลิงพร้อมๆ กัน…
ที่น่าสงสารที่สุดก็คงจะเป็นมิมซี่ เพราะในขณะที่ไฟกำลังคลอกเธออยู่ เธอนั้นได้กำลังอยู่ในห้วงนิทราอย่างมีความสุข
…เหตุการณ์ไฟไหม้คฤหาสน์ชาลล็อตในครั้งนั้น นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ได้รับการกล่าวขานมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
ปัจจุบันทั้งสองเป็นวิญญาณที่ล่องลอยไปมาและอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ด้วยกันอย่างมีความสุข
(อืม… แต่จะสุขจริงไหมก็ไม่อาจแน่ใจได้ เพราะตอนที่พลอยลองเล่นในเกม The Sims 4 เป็นครัวเรือน 2 คนนี้ เบอร์นาร์ดจะมีอุปนิสัยหัวร้อนและเกลียดเด็ก เขามักจะโกรธอยู่ตลอดเวลาและขี้โมโห ทำให้มิมซี่รู้สึกเศร้าอยู่เกือบตลอดเวลา)
ใครที่อยากเจอมิมซี่และเบอร์นาร์ด สามารถแวะไปได้เสมอที่สวนชาลเล็ต (Chalet Gardens) คุณจะเจอวิญญาณสีฟ้าของท่านชายเบอร์นาร์ดยืนวาดภาพอยู่ตรงริมรั้วคฤหาสน์ หรือที่เรียกกันว่า ‘จุดสังเกตการณ์เขาวงกต’ ที่เมื่อมองออกไปก็จะเจอสวนเขาวงกตแสนงดงาม ที่เปิดให้ชาวซิมส์สามารถเข้าไปเล่นเกมตะลุยเขาวงกตกันได้ตามชอบใจ ส่วนวิญญาณของท่านหญิงมิมซี่ก็มักจะมีสีชมพูลอยเฉิดฉายไปบริเวณคฤหาสน์เสมอ บางทีเราอาจเห็นเขาทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ก็เป็นได้
ตำนานของ Lady of Shallot ต้นแบบของมิมซี่
ว่ากันว่า ตัวละครมิมซี่ ได้เค้าโครงและแรงบันดาลใจมาจากบทกวีชื่อ ‘The Lady of Shalott’ ประพันธ์โดย ลอร์ดเทนนิสัน (Alfred Tennyson, 1st Baron Tennyson) จะเห็นได้ว่าทั้ง ‘มิมซี่’ และ ‘เลดี้ ออฟ ชาลล็อต’ มีนามสกุลเดียวกันเลยคือ ‘Shallot’ โดยบทกวี ‘The Lady of Shallot’ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนาน ‘Elaine of Astolat’ อีกที โดยเรื่องมีอยู่ว่า…
ณ เกาะแห่งหนึ่งไม่ไกลตัวเมืองนัก มีหอคอยแห่งหนึ่งตั้งตระหง่าน และมีเลดี้แสนงดงามผู้หนึ่งอาศัยอยู่ เธอผู้นั้นได้ถูกสาปว่าห้ามมิให้มองหรือชมเมืองคาเมล็อตตรงๆ ได้ จะต้องมองผ่านเพียงกระจกเท่านั้น มิเช่นนั้น… ท่านหญิงจะมีอันเป็นไป อยู่มาวันหนึ่ง อัศวินหนุ่มรูปงามนาม ‘เซอร์ลานเซลอต’ (Sir Lancelot) ได้ขี่ม้าผ่านบริเวณหอคอยที่เธออยู่ ทำให้เธอเห็นเงาสะท้อนของเขาในกระจก และตกหลุมรักเขาทันที ทันใดนั้นเอง ด้วยความเผลอ เธอจึงหันไปมองเขา และทำให้เธอมองเห็นเมืองคาเมล็อตเต็มทั้งสองตาของเธอ…
ชื่อภาพ Waterhouse The Lady of Shalott
ท่านหญิงรู้ตัวในทันทีว่าตนเองได้ทำผิดกฎต่อคำสาปเสียแล้ว เธอจึงรีบนั่งเรือออกจากที่อยู่ปัจจุบัน และรีบล่องเรือไปยังปราสาท‘Camelott’ ของกษัตริย์อาร์เธอร์ในทันที เพื่อหมายที่จะได้เจออัศวินหนุ่มรูปงามผู้นั้นอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เธอจะถูกคำสาปพรากให้จากโลกนี้ไป
แต่ในที่สุด ความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเธอก็ไม่สำเร็จ เธอได้โดนคำสาปเล่นงาน และเสียชีวิตอยู่บนเรือระหว่างทางที่เธอกำลังนั่งไปยังปราสาทนั่นเอง สุดท้ายเรือก็เล่นไปถึงยังปราสาทคาเมล็อต ผู้คนต่างตกใจศพของผู้หญิงที่อยู่ในเรือ โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นใคร ในระหว่างนั้นเอง เซอร์ลานเซลอตได้ขี่ม้าผ่านมาพอดี จึงเกิดความสงสัยว่าผู้คนมุงดูสิ่งใดกันอยู่ เขาจึงรีบเข้าไปเพื่อสังเกตการณ์ และได้พบกับศพของหญิงสาวผู้มีใบหน้าอันงดงามและแสนเศร้า ที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เขาจึงตั้งชื่อให้เธอว่า ‘Lady of Shallot’
และเป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งว่า ใน The Sims 4 ภาพของ ‘มิมซี่’ จะไม่มีภาพใดเลยที่เธอจะมองมาทางผู้วาด…
และบนที่ตั้งของ ‘คฤหาสน์สุดหลอน’ (Von Haunt Estate) ในเมืองวินเดนเบิร์ก (Windenburg) ก็จะถูกแยกออกมาเป็นเกาะเล็กๆ อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งว่ากันว่าเป็นเกาะแห่งเดียวกับที่ ‘เลดี้ ออฟ ชาลล็อต’ เคยอาศัยอยู่
และหากเราสังเกตที่เมืองวินเดนเบิร์กดีๆ เราจะเห็นว่ามีซากปรักหักพังอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกับหอคอย ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ที่ห่างออกมาจากเมืองอีกที ว่ากันว่านี่แหละเป็นที่ที่เดียวกับที่ ‘เลดี้ ออฟ ชาลล็อต’ เคยอาศัยอยู่
และที่สำคัญในคฤหาสน์สุดหลอนมักจะมีชมรม ‘อัศวินแห่งเขาวงกต’ ซึ่งเป็นชมรมในชุดอัศวิน พวกเขามักจะโผล่มาทุกครั้งที่เราไปเยือนคฤหาสน์สุดหลอน Von Haunt Estate ไม่ว่าเราจะไปช่วงใดเวลาใดก็ตาม ถือเป็นการอ้างอิงถึงเซอร์ลานเซลอตและอัศวินโต๊ะกลมในยุคนั้นนั่นเอง!
อ้อ! ในบทกวี ‘Elaine of Astolat’ นั้น ตัวเลดี้ก็มีบิดาชื่อ ‘Bernard of Astolat’ อีกด้วย ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับท่านชายเบอร์นาร์ดแห่งเมืองวินเดนเบิร์กเป๊ะ
เล่าสู่กันฟัง พลอยเคยเล่นเป็นครอบครัวนี้ (แน่ล่ะว่าใช้ม็อดในการโกงตัวละครมา ฮ่า!) พยายามจะทำให้มิมซี่และเบอร์นาร์ดสมหวังและได้รักกันอีกครั้งในโลกคนเป็น จากประสบการณ์ที่เจอ ตัวมิมซี่จะติดบัฟฟ์อารมณ์เศร้าอยู่ตลอดเวลา และเบอร์นาร์ดนั้นจะมีนิสัยโมโหร้าย และเกลียดเด็ก เราเคยทำให้พวกเขามีลูกด้วยกัน บอกได้คำเดียวว่าบ้านแตกมากๆ เลยค่ะ มิมซี่จะชอบเดินหน้าเศร้ามาหาตัวซิมส์ของเราที่บ้านเสมอ แต่หากใครที่เล่นแล้วสมหวัง หรือมีเรื่องตลกๆ ฮาๆ เกี่ยวกับการพยายามเล่นกับครัวเรือนนี้ ก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ เชื่อว่าไม่มีเรื่องไหนปกติแน่นอน ฮ่าๆ
และนี่ก็เป็นตำนานรักแห่งคฤหาสน์ชาลล็อตของท่านหญิงมิมซี่ และท่านชายเบอร์นาร์ด ที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึกปะปนกันไป บ้างก็รู้สึกหวาดกลัววิญญาณของพวกเขา บ้างก็รู้สึกซึ้งในความรักของ 2 คนนี้ บ้างก็รู้สึกเสียใจในโชคชะตาอันรันทดของเลดี้แสนสวย ที่ไม่ว่าจะเป็นเลดี้ ออฟ ชาลล็อต หรือ มิมซี่ ก็มีโชคชะตาที่น่าเศร้าไม่แพ้กันเลย ว่าไหมล่ะคะ…
สุดท้าย ใครอยากโหลดคฤหาสน์ที่พลอยใช้ถ่ายภาพประกอบเนื้อเรื่อง สามารถเข้ามาดาวน์โหลดได้ที่ Gallery ID: ploytopia นะจ๊ะ เป็นคฤหาสน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของ มิมซี่ และเบอร์นาร์ด โดยตรง แต่ไอเทมอาจมั่ว ๆ นิดนึง มีภาคญี่ปุ่นด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ แจกไว้ 3 ปีแว้ววว
สร้างใหม่ดีไหมนะ !? อิ อิ
คำตอบ